กกท.ย้ำรังเกียจสารต้องห้าม สนุกเกอร์ใส - ห่วงกีฬาต่อสู้

1 มี.ค. 64

กกท.ย้ำรังเกียจสารต้องห้าม สนุกเกอร์ใส - ห่วงกีฬาต่อสู้

การกีฬาแห่งประเทศไทย จี้ทุกสมาคมกีฬาเข้ารับการอบรม หลีกเลี่ยงเรื่องการใช้สารต้องห้าม ย้ำ โอลิมปิกเกมส์ , ซีเกมส์ และ เอเชี่ยนอินดอร์ แอนด์ มาเชี่ยลอาร์ตเกมส์ จะต้องไม่มีนักกีฬาไทย เกี่ยวข้องการโด๊ปปิ้งอย่างเด็ดขาด
หลังจากที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย โดย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย และ กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ได้อนุมัตให้นักกีฬาทีมชาติไทย ที่ผ่านมการคัดเลือก เก็บตัวฝึกซ้อมเพื่อเข้าร่วมแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ 3 รายการใหญ่ ทั้ง โอลิมปิกเกมส์ ระหว่างวันที่ 23 กรกฏาคม – วันที่ 8 สิงหาคม 2564 ที่ประเทศญี่ปุ่น , การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน – วันที่ 2 ธันวาคม 2564 ที่ประเทศเวียดนาม และการแข่งขัน กีฬาเอเชี่ยน อินดอร์ แอนด์ มาเชี่ยลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 10-20 มีนาคม 2565 ที่กรุงเทพ และ จังหวัดชลบุรี
ในการนี้ การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ส่งหนังสือแจ้งให้ทุกสมาคมกีฬาส่งนักกีฬาทีมชาติไทย เข้ารับการอบรมเรื่องการหลีกเลี่ยงการใช้สารต้องห้ามในนักกีฬา โดยล่าสุด เป็นคิวของนักกีฬา สนุกเกอร์, บิลเลียด, พูล และ แคร่อมบอล รวมทั้งผู้ฝึกสอน นำโดย ชูชาติ ไตรรัตนประดิษฐ์ (ต่าย พิจิตร), วัฒนา ภู่โอบอ้อม (ต๋อง ศิษย์ฉ่อย) , ประพฤติ ชัยธนสกุล (รมย์ สุรินทร์ ) และนักกีฬาที่เก็บตัวอยู่ในขณะนี้ทั้งหมดจำนวน 30 คน เข้ารับการอบรม ที่ห้องประชุมชั้น 4 ตึก 25 ชั้น อาคารเฉลิมพระเกียรติ การกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งในการอบรมครั้งนี้เป็นการ ชี้แนะว่า “เราจะรับมือสารต้องห้ามอย่างไร ?” ภายใต้ พระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้าม พ.ศ. 2555 และกฎหมายลำดับรอง โดยมี นางกฤตยา นราวงษ์ นักวิทยาศาสตร์การกีฬา 6 และ น.ส.ฤทัยรัตน์ คงมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมสารต้องห้าม การกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นวิทยากร บรรยายให้ความรู้ตลอด 1.30 ชั่วโมง
โดยเนื้อหาหลัก ๆ เป็นการเสนอแนะ เพื่อป้องกันการใช้ยาฉีด ยากิน และ ยาทา โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และเข้าข่ายที่มีตัวยาในการโด๊ปปิ้ง หรือ สารต้องห้าม ส่งผลเสียทั้งระหว่างการแข่งขันกีฬา และ หลังการแข่งขันกีฬา เหมือนเช่นนักกีฬาบางคนที่ถูก วาด้า ลงโทษห้ามยุ่งเกี่ยวกับการแข่งขันกีฬา อีกทั้งยังได้ทำให้เสียชื่อเสียงของประเทศไทยอีกด้วย
น.ส.ฤทัยรัตน์ คงมา กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้ การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้เร่งรัดให้นักกีฬาทุกสมาคมเข้ารับการอบรมจนครบอย่างเร็วที่สุด และให้ความรู้อย่างกระจ่าง เข้าใจง่ายที่สุด โดยเฉพาะกีฬาที่สุ่มเสียงต่อการใช้สารต้องห้าม ไม่ว่าจะเป็น กีฬายกน้ำหนัก กีฬามวยสากล กีฬาเพาะกาย , กีฬายูโด, กีฬาต่อสู้ทุกชนิด ขณะที่สมาคมกีฬาบิลเลียด ซึ่งเป็นชนิดกีฬาที่ไม่ได้ใช้พละกำลังมาก ใช้เพียงแค่ความคิด การวางแผน และความชำนาญ อาจจะไม่เสี่ยงมากนัก แต่ก็ต้องรับรู้เพราะการรับประทานอาหาร หรือ ทานยาแก้ไขหวัด ถือว่าเสี่ยงต่อการโด๊ปปิ้งอย่างมาก
อย่างไรก็ตามวิทยากรของการกีฬาแห่งประเทศไทย ยืนยันอีกด้วยว่า ในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ 3 รายการหลักที่จะมาถึง ทั้ง โอลิมปิกเกมส์, ซีเกมส์ และ เอเชี่ยนอินดอร์ แอนด์ มาเชี่ยลอาร์ตเกมส์ จะต้องไม่มีนักกีฬาไทย เข้าไปเกี่ยวข้องกับการใช้สารต้องห้ามอย่างเด็ดขาด เนื่องจากจะมีเจ้าหน้าที่ของการกีฬาแห่งประเทศไทย ให้ความรู้กับนักกีฬาทุกคน ทุกสมาคม อย่างต่อเนื่อง