น่าเป็นห่วงครับ

5 ก.พ. 61

หาก ย้อนอดีตกลับไป 30 ปี ในช่วงนั้นวงการสนุกเกอร์ไทยตื่นตัวถึงขีดสุดเนื่องจาก ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ผงาดขึ้นครองแชมป์สมัครเล่นโลกในปี 2531 ที่กรุงซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย โดยเอาชนะแชมป์จากอังกฤษ แบร์รี่ พินเชส 11-8 เฟรม ต่อจากนั้น ไทย ก็ไม่เคยขาดแชมป์โลกโดย หนู ดาวดึงส์ เป็นแชมป์โลกคนถัดมา เอาชนะ โดมินิก เดล 11-8 ในการแข่งขันที่เมืองไทยที่มีการถ่ายทอดสดทางช่อง 9 ทั่วประเทศ

ต่าย พิจิตร เป็นแชมป์โลกรายที่ 3 ในปี 2536 ซึ่งหนนี้เป็นที่ฮือฮาเนื่องจาก ไทยต่อไทย เข้าชิงกันเองโดย ต่าย เอาชนะ รมย์ สุรินทร์ 11-6 ที่ประเทศปากีสถานต่อจากนั้น ศักดิ์ชัย ซิมงาม (ชัย ลำพูน) ได้แชมป์โลกในปี 2538 ชนะ เดวิด ลิลลี่ 11-7 ที่ประเทศอังกฤษ จากนั้นแชมป์สมัครเล่นโลกก็ห่างเหินไปจนกระทั่งปี 2550 ไทยเป็นเจ้าภาพจัดชิงแชมป์โลกที่จังหวัดนครราชสีมา ปรากฏว่า ไทยเข้าชิงกันเองเป็นหนที่ 2 บิ๊ก สระบุรี เอาชนะ กร นครปฐม 11-7 นอกจากนี้ประเภทซีเนียร์ (อายุเกิน 40) เต่า หลังสวน เข้าชิงกับ ดาร์เรน มอแกน ได้แค่รองแชมป์โดย เต็ก หัวหิน ได้อันดับ 3 ซึ่งทุกคนได้เงินอัดฉีดจาก กกท. แชมป์โลก 1 ล้าน รองแชมป์ 5 แสน ซึ่ง เต็ก หัวหิน ได้อันดับ 3 ได้เงินอัดฉีด 2 แสนบาท ถัดมาปี 2551 เอฟ นครนายก ไปคว้าแชมป์โลกที่ประเทศออสเตรียเอาชนะ คอมส์ กิลคริสต์ 11-7 และปี 2553 แจ๊ค สระบุรี คว้าแชมป์โลกที่ประเทศซีเรียเอาชนะ ปันกาจ เอ็ดวานนี (อินเดีย) 10-7 เป็นที่น่าสังเกตภายใน 4 ปี คนไทย ครองแชมป์โลกถึง 3 คน

ทั้งหมดนี้คือผลงาน นักกีฬาไทย ซึ่งมีแข่งขันที่ไหนกลายเป็น ตัวเต็ง โดยเฉพาะระดับเอเชีย ไทย ผูกขาดครองแชมป์เกินครึ่งจากการแข่งขันกว่า 30 ครั้งจนหลายชาติหวาดผวา และตั้งแต่ปี 2536 จีนเริ่มบุกเบิกวงการสอยคิวส่ง นักกีฬา แข่งขันทั้งเอเชียและชิงแชมป์โลก หาก จีน อยู่สายใครผู้เล่นในสายต่างยิ้มเพราะถือเป็นตัวแถม จนกระทั่ง ติง จุ้นฮุย ขึ้นมาจุดประกายให้จีนโด่งดังด้วยการครองแชมป์เยาวชนเอเชีย-เยาวชนโลก-แชมป์เอเชีย-แชมป์สมัครเล่นโลก จากนั้นก็ไม่มีใครอยากร่วมสายอีก นักสอยคิวจีนนอกจาก ติง-เหลียง ยังมีเด็กใหม่เกิดขึ้นราวดอกเห็ด แต่ละรายมีฝีมือโค่นแชมป์โลกได้ทุกคนจนผงาดขึ้นมาเป็น เจ้าเอเชีย และอีกไม่นานเกินรอจะครองเจ้าโลก

หันมามอง นักสอยคิวไทย น่าตกใจหลังจาก เอฟ นครนายก-หมู ปากน้ำ-ซันนี่ อาร์แบค ขึ้นไปเล่นอาชีพก็ไม่มีตัวที่จะไปสู้เพื่อนบ้านทั้งระดับเอเชียและระดับโลก ส่งไปทีไรก็ตกรอบทุกรายการรวมถึง เยาวชน ก็ไม่เกิด ทำให้ สมาคมกีฬาบิลเลียดฯ กุมขมับ เพราะจากการเป็น เบอร์หนึ่ง กำลังลดเพดานจนต้องตาม จีน-อิหร่าน-อินเดีย โดยนายกสมาคมฯ สินธุ พูนศิริวงศ์ ยังงุนงงและตรวจสอบว่าสาเหตุมาจากอะไรที่ทำให้ นักกีฬา ฝีมือตกถึงขนาดนี้

ต้องยอมรับว่าเป้าหมายนักกีฬาทุกคนอยู่ที่การได้ เล่นอาชีพ แต่หลายคนที่ได้เล่นอาชีพแล้วหลงผิดด้วยการอยากรวย (ทางลัด) เนื่องจาก มืออาชีพ หากลงแข่งขัน บ่อนพนันจะเปิดให้แทงอย่างเสรี และด้วยเหตุนี้ทำให้เกมแข่งขันไม่เป็นไปตามธรรมชาติ บางคนเล่นไม่เต็มฝีมือถึงขนาด บ่อนพนัน ต้องรีบปิดการรับแทงเพราะ ราคาผิดปกติ เมื่อผลแข่งขันออกมาก็เป็นไปตามนั้น

พวกที่ถูกสงสัยว่า “ล้มคิว” เมื่อหลักฐานอ่อนก็รอดตัว ส่วนที่ถูกจับได้ว่าเล่นไม่เต็มฝีมือหรือที่เรียกกันว่า ล็อคผลแข่งขัน จนดิ้นไม่หลุดก็ซวยไป แต่ก็ถือว่า โชคดี ที่ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ไม่เช่นนั้น

คงปิดฉากสอยคิวทั้งในและนอกประเทศ

 

ศักดา รัตนสุบรรณ

(ตีพิมพ์ในนิตยสารคิวทอง ฉบับที่ 423)