ต่าย พิจิตร ยอดโค้ชที่จะนำทีมไทยพิชิตเหรียญทองซีเกมส์

1 พ.ย. 62

ต่าย พิจิตร ยอดโค้ชที่จะนำทีมไทยพิชิตเหรียญทองซีเกมส์

จากเด็กบ้านนอกแดนชาละวันที่ชื่นชอบการเล่นกีฬาตามสไตล์ของเด็กลูกทุ่งต่างจังหวัดซึ่งจะเริ่มเล่นฟุตบอลตามสูตรสำเร็จก่อนหัดแทงลูกแก้วบนโต๊ะไม้ทำเอง ใช้ลูกแก้วแทนลูกสนุกเกอร์จริงๆ เหลาไม้กวาดแทนคิว ก่อนที่จะได้รุ่นพี่ “เล็ก พิจีตร” สุรศักดิ์ วงศ์สายถนอม ทำงานข้าราชการในตัวเมืองพิจิตรได้พาต่าย ในช่วงวัยรุ่นเข้าสู่สโมสรข้าราชการ (สมัยก่อนตามสโมสรข้าราชการในหัวเมืองต่างๆจะมีโต๊ะสนุกเกอร์ บิลเลียด ให้ข้าราชการเล่นเผื่อผ่อนคลายหลังเวลาเลิกงาน) ในตัวเมืองพิจิตรไปนั่งดูนั่งเล่นบ่อยๆจนซึมซับกลายเป็นความชื่นชอบ และเริ่มหัดเล่นจริงๆจังตอนอายุประมาณ 17 ปี

คว้าแชมป์ประเทศไทยในปี 2536 ต่อด้วยแชมป์สมัครเล่นโลกและแชมป์เอเชีย ตีตั๋วพุ่งเข้าสู่ระดับอาชีพที่อังกฤษ ผจญภัยที่โน่นสมัยที่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ต ต้องปรับตัวทั้งภาษาอังกฤษ อากาศ อาหาร ทุกๆอย่างที่ไม่เหมือนกับเมืองไทยบ้านเกิดเมืองนอน อาศัยอยู่แฟลตนั่งรถเมล์ นั่งรถรางไปซ้อม ใช้เงินที่มีติดตัวบริหารจัดการให้ประหยัดที่สุดเพราะการเป็นอยู่ที่นู่นค่าครองชีพสูงมากๆ อากาศก็หนาวเหน็บต้องเจียดเงินไว้หยอดฮีตเตอร์ในการทำความอุ่นไม่งั้นอาบน้ำไม่ได้ แต่การที่เล่นอาชีพในอังกฤษที่นั่นถึงห้าปีได้สั่งสมประสบการณ์หลายๆอย่างให้กับต่าย พี่ต่าย หรือ อาจารย์ต่ายในปัจจุบันนี้อย่างมากมาย อีกทั้งยังเป็นนักกีฬาสนุกเกอร์ชาวไทยคนที่สองต่อมาจากขวัญใจมหาชน “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” ในการเข้าไปสอยคิวในเมกกะสนุกเกอร์ เมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ ที่แฟนๆสนุกเกอร์รู้จักสถานที่นี้นั้นเป็นอย่างดีนั่นก็คือ ครูซิเบิลเธียร์เตอร์

สำหรับการเบนเข็มมาเป็นผู้ฝึกสอนสนุกเกอร์นั้นเกิดขึ้นประมาณปี 1997 ซึ่งทางอังกฤษได้เปิดอบรมผู้ฝึกสอนสนุกเกอร์ซึ่งอาจารย์ต่ายได้มีมุมมองในขณะนั้นว่าถ้าตัวเองเลิกเล่นกีฬาสนุกเกอร์การทำอาชีพโค้ชจะสามารถยึดเป็นอาชีพหรือต่อยอดในอนาคตได้จึงเป็นที่มาของอาจารย์ต่าย โดยก่อนจะเลิกเล่นอาชีพนั้นอาจารย์ต่ายได้เข้าสอบโค้ชจากประธานผู้ฝึกสอนอดีตแชมป์โลก “เทอร์รี่ กริฟฟิธ” จนได้ Certificate สามารถทำการอบรมและเป็นผู้ฝึกสอนสนุกเกอร์ได้ทั่วโลก และต่อมาก็กลายมาเป็นผู้ฝึกสอนกีฬาสนุกเกอร์ให้กับทีมชาติไทยมาหลายยุคหลายสมัย               

สำหรับคนที่อยากเล่นสนุกเกอร์เก่งๆให้เหมือนกับลูกสิษย์ของโค้ชต่ายๆหลายๆคนนั้นสิ่งแรกที่ต้องมีเลยคือความตั้งใจในการฝึกซ้อมกีฬาประเภทนี้ รวมทั้งต้องมีใจรักในกีฬาสอยคิวด้วยไม่ใช่ว่าถูกบังคับจากที่บ้านให้ต้องเล่นสนุกเกอร์แต่เจ้าตัวเองไม่ชอบอย่างเล่นดนตรี เล่นกีฬาประเภทอื่นมากกว่า ตรงนี้ผู้ปกครองก็ต้องยอมรับเพราะเด็กๆหลายๆคนนั้นมีความชื่นชอบและแนวคิดที่แตกต่างกันไป อีกทั้งสมัยนี้การที่คนเก่งขยันฝึกซ้อมมีช่องทางที่จะก้าวขึ้นไปสู่ระดับอาชีพได้ง่ายกว่าสมัยก่อนก็ทำให้เด็กๆหันมาหัดเล่นสนุกเกอร์กันมากขึ้น

สำหรับการแข่งขันนักกีฬาที่ว่ายากแล้วการที่จะเป็นผู้ควบคุมนั้นสิ่งที่ว่ากันว่ายากกว่าก็คือการคุมนักกีฬาให้อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดในช่วงเวลาที่เหมาะสมนั้นคือสิ่งที่ผู้เป็นโค้ชจะต้องเป็นผู้ดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะในแต่ละทัวร์นาเมนต์เพราะนักกีฬานั้นมีโปรแกรมการฝึกซ้อม การกินอยู่ให้เพียบพร้อม ซึ่งต้องรักษาวินัยตัวเองทำตามโปรแกรมนนั้นให้ได้แต่ทว่าผู้ฝึกสอนนอกจากจะต้องถ่ายทอดวิชาและเทคนิคการเล่นต่างๆแล้ว จะต้องคอยคอนโทรลโปรแกรมต่างๆนั้นให้เหมาะสมกับนักกีฬาของแต่ละคนอีกด้วย อีกทั้งบางเรื่องที่เป็นปัญหาส่วนตัวที่จะเกิดขึ้นก่อนหรือระหว่างการแข่งขันผู้ฝึกสอนก็จะต้องแก้ไขให้ลุล่วงเพื่อดึงมาตรฐานการเล่นของนักกีฬากลับมาให้ได้

โดยตัวของโค้ชต่ายเองก็พัฒนาความรู้ความเข้าใจในการฝึกสอนนักสนุกเกอร์ขึ้นไปอยู่ตลอดเวลา เป็นน้ำที่ไม่เคยเต็มแก้วเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆอยู่เสมอมาถ่ายทอดให้ลูกศิษย์ เพราะนักกีฬาแต่ละคนนั้นทักษะการเล่น หรือ เทคนิคการเล่น เบสิคไม่เหมือนกันก็ต้องปรับจูนและอธิบาย รวมถึงคอยอธิบาย วิเคราะห์ข้อดีข้อเสียต่างๆเป็นแนวทางแก้ไขให้ในแต่ละคน

ซึ่งสำหรับซีเกมส์ในครั้งนี้แฟนๆสนุกเกอร์ชาวไทยก็ขอส่งใจไปเชียร์โค้ชต่ายและนักกีฬาทุกท่านให้ประสบชัยชนะคว้าเหรียญทองกลับบ้านมาฝากพี่ๆน้องๆ ชาวสอยคิวที่ติดตามคอยให้กำลังใจได้ทุกประเภทที่ลงแข่งขันนะครับ ไทยแลนด์ สู้สู้

รีสตาร์ท