16 ปี แรงกิ้งอาชีพไทย

2 มี.ค. 61

การจัดการแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพ เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2545 โดยปีแรกจัดแข่ง 4 รายการ และมีนักกีฬา 90 คน จนถึงปัจจุบันเป็นปีที่ 16 มีนักกีฬากว่า 300 คน เข้าร่วมการแข่งขัน

เป็นหนึ่งในกีฬาอาชีพนำร่องยุคแรก และสามารถยืนหยัดได้อย่างแข็งแรงจนถึงปีปัจจุบัน

จากเดิมมี 2 ดิวิชั่น ปัจจุบันเหลือ 1 ดิวิชั่น และปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ให้สนับสนุน จะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ วงการก็ดำเนินต่อไป

ในการดวลคิวปีนี้ รอบสุดท้าย ประกอบด้วย รายการที่ 1 รายการแรกของปีนี้ ในระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ – 3 มีนาคม ที่โรงแรมหัวหินแกรนด์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, รายการที่ 2 วันที่ 2-7 เมษายน ที่วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, รายการที่ 3 วันที่ 23-28 เมษายน ที่จังหวัดเชียงใหม่, รายการที่ 4 วันที่ 21-26 พฤษภาคม ที่หอประชุมโรงเรียนเขาสามยอดวิทยา จังหวัดลพบุรี, รายการที่ 5 วันที่ 23-28 กรกฎาคม ที่โรงแรมทินิดี จังหวัดระนอง, รายการที่ 6 วันที่ 13-18 สิงหาคม ที่จังหวัดขอนแก่น และรายการที่ 7 ชิงแชมป์ประเทศไทย วันที่ 17-22 กันยายน ที่คลังพลาซ่า จังหวัดนครราชสีมา

ซึ่งการแข่งขันใน 6 สนามแรกชิงเงินรางวัลรวมสนามละ 1,009,000 บาท ส่วนสนามสุดท้ายชิง 1,262,000 บาท รวมปีนี้ชิงเงินรางวัลทั้งสิ้นถึง 7,316,000 บาท

น่าสนใจอย่างมากว่า ปีนี้จะมีการพลิกผันและมีตัวเลขที่น่าสนใจเกิดขึ้นมากมายเหมือนปีที่แล้วหรือเปล่า

รายการแรกที่พิจิตร “เอฟ นครนายก” เทพไชยา อุ่นหนู ดีกรีแชมป์ 6 แดงโลก และมือ 33 ของโลก สะกด “อิศ จันท์” อิศรา กะไชยวงษ์ แชมป์ประเทศไทย 4 สมัย ขาดลอย 4-0 เฟรม โดยใช้เวลาแข่งขันเพียง 58 นาทีเท่านั้น เร็วสุดเป็นสถิติใหม่ในนัดชิงชนะเลิศ

รายการที่ 2 ที่สุรินทร์ “เอฟ นครนายก” ยังคงร้อนแรง เอาชนะ “กร นครปฐม” ภาสกร สุวรรณวัฒน์ 4-1 เฟรม ทำให้ เอฟ คว้าแชมป์มาครองเป็นสนามที่ 2 ติดต่อกัน เป็นดับเบิ้ลแชมป์ครั้งที่สองหลังเคยทำได้มาแล้วเมื่อปี 2554 และเป็นแชมป์แรงกิ้งรายการที่ 11 ในชีวิต

รายการที่ 3 ที่หัวหิน “นุ้ก จันท์” ยุทธภพ ภาคพจน์ ยุติการรอคอย เมื่อครองแชมป์แรกในชีวิต หลังจากปราบ “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” รัชพล ภู่โอบอ้อม 4-1 เฟรม

รายการที่ 4 ที่ระนอง “หนู ดาวดึงส์” นพดล นภจร ใช้เวลาไป 3 ชั่วโมง 37 นาที คว้าแชมป์สะสมคะแนนครั้งแรกในรอบ 8 ปี ก่อนจะปราบ “รมย์ สุรินทร์” ประพฤติ ชัยธนสกุล ไปได้สุดมันส์ 4-3 ในศึกเจาะเวลาหาอดีต

รายการที่ 5 ที่ลพบุรี ถึงคิวของ “ตัวเล็ก สำโรง” ไพฑูรย์ ผลบุญ แมวเก้าชีวิตที่ออกคิวเชือด “นุ้ก สากล” กฤษณัส เลิศสัตยาทร ขาดกระจุย 4-0 เฟรม

ปิดท้ายด้วยรายการที่ 6 ชิงแชมป์ประเทศไทย ที่บางแสน ชลบุรี

“บิ๊ก สระบุรี” อรรถสิทธิ์ มหิทธิ ประสบความสำเร็จ กับแชมป์ที่รอคอยมาโดยตลอด นั่นก็คือครองตำแหน่งแชมป์ประเทศไทย ได้สำเร็จ หลังจาก พิชิต “หยิก สำโรง” พิสิษฐ์ จันทร์ศรี แชมป์อาวุโสโลก 3 สมัยติดต่อกันคนแรกของโลก 4-2 เฟรม

ทำให้ บิ๊ก รับเงินไป 200,000 บาท ส่วน หยิก สำโรง รับไป 80,000 บาท สำหรับรางวัลเบรกสูงสุดเป็นของ “ตูน วัดด่าน” เอกรวี อั๊งคำ ทำได้แม็กซิมั่มเบรก 147 แต้ม รับ 20,000 บาท

ซึ่ง “บิ๊ก สระบุรี” กล่าวในวันนั้นว่า ขอมอบถ้วยแชมป์ให้กับคุณแม่ทุกคน และพิเศษสุดก็คือมอบให้คุณแม่ของผม ถือว่าโชคดีที่โปรแกรมแข่งขันที่ต่อเนื่อง ทั้งรายการที่ 4, 5 และ 6 ทำให้ค่อย ๆ เล่นได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงแชมป์ในวันนี้ และได้ขึ้นมือ 1 ของประเทศไทยในปีนี้ อีกทั้งบรรยากาศที่สนามแข่งขัน และโต๊ะแข่งขันดีมาก ๆ ทุกอย่างเป็นใจทั้งหมดจริง ๆ ทำให้ผมประสบความสำเร็จในครั้งนี้

โดยวันที่แข่งขันนั้นตรงกับวันแม่แห่งชาติพอดี

แล้วปีนี้การดำเนินการแข่งขันต่อเนื่องมาถึงปีที่ 16 เริ่มต้นรายการระหว่างที่หนังสือคิวทองเล่มนี้ออกสู่สายตาประชาชน ก็จะได้แชมป์ในวันเสาร์ที่ 3 มีนาคมนี้

ที่หัวหิน แชมป์เปลี่ยนมือไปมา และน่าสนใจก็คือ 2 ปีหลังสุด คนที่ได้แชมป์คือคน “ไม่เคยได้แชมป์” มาก่อน

นั่นก็คือ “นุ้ก คอนหวัน” ปรมินทร์ ด่านจิรกุล เมื่อปี 2016 และ “นุ้ก จันท์” ยุทธภพ ภาคพจน์ เมื่อปีกลาย

ปีนี้ถือว่ามีหลายคนที่ไม่เคยได้แชมป์แรงกิ้ง อาถรรพ์นี้จะมีต่อหรือไม่

ไม่ได้น่าสนใจเท่ากับมาตรฐานของการแข่งขัน

แน่นอนมันมาจากนักกีฬา

อันที่จริงกระบี่เมืองไทยแต่ละคนธรรมดาที่ไหน มันอยู่ที่หัวใจจะมุ่งมั่นขนาดไหนกับการเป็นเลิศในอาชีพตัวเอง ที่แม้จะติด พรบ.ปัญญาไม่แข็งอย่าง “การพนัน” ก็ตาม

แต่ก็ซ้อนด้วย “พรบ.กีฬา” รายการเดียวของเมืองไทย

ว่ากันตามเชิง คนไทยมีสิทธิ์ทำได้ดีกว่านี้ หากไม่ทำอะไรตามใจคือไทยแท้

นี่แหละต้องวัดประสิทธิภาพที่มีออกมาให้แท้ทรู

เชื่อผมสิ....เราสู้ได้ทุกมือ!!!!

 

บี แหลมสิงห์ มาเยือน

(ตีพิมพ์ในนิตยสารคิวทอง ฉบับที่ 424)