สุดยอด “มังกรเอเชีย”

6 ม.ค. 60

หลัง จาก เจมส์ วัฒนา หรือ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย แชมป์สมัครเล่นโลกปี 1988 ฝีมือเริ่มจะถดถอยในการสอยคิว ก็เกิด “คลื่นลูกใหม่” ในวงการสนุกเกอร์เอเชียขึ้นมาทดแทนคือ มาร์โก้ ฟู ที่รุ่งโรจน์ถึงขีดสุดในช่วงปี 1997 หรือ 19 ปีที่ผ่านมา โดยคว้าแชมป์สมัครเล่นโลกด้วยการชนะแชมป์โลกอาชีพปี 2014 สจ๊วร์ต บิงแฮม อย่างเฉียดฉิว 11-10 เฟรมในปี 1997 สร้างชื่อให้ฮ่องกง ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ มีพลเมืองไม่กี่ล้านคน

หลังจาก มาร์โก้ ฟู โด่งดังในวงการสอยคิว จีน ซึ่งเป็นประเทศยักษ์ใหญ่แห่งเอเชียที่มีพลเมืองมากที่สุด 1,400 ล้านคน เริ่มลุยหนักด้านกีฬาโดย รัฐบาล ให้การสนับสนุนกีฬาทุกประเภทจน จีน กลายเป็นเจ้าแห่งกีฬาโลกถึงขนาด ชิงดำ เพื่อแย่งเจ้าเหรียญทองโอลิมปิกกับ สหรัฐอเมริกา

สนุกเกอร์ ก็อยู่ในการสนับสนุนของ รัฐบาลจีน โดยทุ่มงบประมาณด้วยการดึงรายการ แรงกิ้งโลก มาแข่งขันในประเทศเพื่อสร้างอนาคตสอยคิวแก่ เด็กจีน โดยใช้เวลาไม่ถึง 10 ปีก็ประสบความสำเร็จ เพราะได้ “ไอ้ลูกระเบิด” ติง จุ้นฮุย ขึ้นชั้นสู่มืออาชีพ และสามารถเอาชนะอดีตแชมป์โลก 7 สมัย สตีเฟ่น เฮนดรี้ ในการแข่งขันแรงกิ้งในบ้าน ซึ่งในเวลาต่อมาก็เกิด “ดาวรุ่ง” มากมายก่ายกองทั้ง เหลียง เวนโบ, เทียน เปงเฟย, เซียว โก๊ะตง, ยู เดลู, ลีหั่ง, ชาง อันด้า, เกา ยู เป็ง จนมาถึงดาวรุ่งรุ่นหลังๆ เช่น ซู ยูหลง, เจ้า ซินตง, ยาน บินเตา, เชน ซิ, ชาง หยง, เมย ซิเวน, เวง ยูเชน และใครต่อใครอีกหลายคน จนทำให้ทั่วโลกต่างจับตา และเป็นที่คาดหมายอนาคตวงการสอยคิวจะตกอยู่ในเงื้อมมือ จีน ซึ่งเจ้าตำรับอย่างอังกฤษ-สกอตแลนด์-เวลส์ ต่างหวาดผวาไปตามๆ กัน ถึงแม้อังกฤษจะมีมือต้นๆ ของโลกอย่าง มาร์ค เซลบี้, สจ๊วร์ต บิงแฮม, จัดด์ ทรัมป์, อาลี คาร์เตอร์ และอีกหลายคนก็ตาม แต่อนาคตข้างหน้ามีสิทธิ์ถูก จีน แซงหน้า เพราะทุกวันนี้นักสอยคิวจากผืนแผ่นดินใหญ่ก็สามารถสู้ทุกคนในโลกโดยเฉพาะ ติง จุ้นฮุย, เหลียง เวนโบ รวมทั้งดาวรุ่ง ลีหั่ง, ซู ยูหลง, เจ้า ซินตง พวกเขาเหล่านี้มีสิทธิ์ชนะทุกคนในโลก ส่งผลให้ทั่วโลกกำลังจับตา นักกีฬาผิวเหลือง เพราะนอกจากวิตก จีน จะล้ำหน้ายังผวา ไทย-ฮ่องกง, อินเดีย และ อิหร่าน ที่กำลังพัฒนาฝีมือ โดยล่าสุด มาร์โก้ ฟู “มังกรร้าย” สามารถครองแชมป์รายการสกอตติช โอเพ่น โดยชนะเจ้าบ้าน จอห์น ฮิกกินส์ แบบขาดกระจุย 9-4 เฟรมถึงถิ่นในสกอตแลนด์ คว้าถ้วยเกียรติยศของอดีตแชมป์โลก 7 สมัย สตีเฟ่น เฮนดรี้ มาครอบครอง

ใครที่ได้ชมการถ่ายทอดสดนัดชิงฯ จาก ทรู วิชั่นส์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ธ.ค. ต้องยอมรับฝีมือ มาร์โก้ ฟู ที่นิ่งและคมทุกลูกทุกช็อตโดย 3 เฟรมแรก ฮิกกินส์ ออกนำขาด ทำ 3 เซ็นจูรี่ เฟรมที่ 4 ฟู เอาคืนด้วยการทำเซ็นจูรี่เช่นกัน ซึ่งถือเป็นสถิติคู่แรกของโลกที่ทำ เซ็นจูรี่ เบรก (รอบชิงฯ) ติดต่อ 4 เฟรมรวด และเฟรมที่ 5 ฮิกกินส์ ก็ทิ้งห่างออกนำ 4-1 เฟรม

แต่ใครจะเชื่อ มาร์โก้ ฟู กลับไม่สะทกสะท้านยังคงออกคิวไปเรื่อยๆ แต่ทุกลูกทุกช็อตค่อนข้างชัวร์ จึงส่งผลให้ ฟู ค่อยๆ เก็บทีละเฟรมจนไล่มาทันช่วง 8 เฟรมแรก เสมอ 4-4 และเมื่อถึงช่วงหลัง มาร์โก้ ฟู ออกมากวาด 5 เฟรมติดต่อกัน เท่ากับว่าสามารถเอาชนะ ฮิกกินส์ 8 เฟรมรวด ทั้งที่ก่อนหน้าถูกนำ 1-4 เฟรม ชัยชนะหนนี้เป็นการพิสูจน์ให้เห็น เรื่องของความสามารถเฉพาะตัว

คนผิวเหลืองไม่เป็นรองใครในโลก

ศักดา รัตนสุบรรณ

(ตีพิมพ์ในนิตยสารคิวทอง ฉบับที่ 410)