4 ปีไม่มี "หมู่โฮม"

4 มี.ค. 58

วัน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว 3 มี.ค. 2554 เป็นวันที่คนในวงการหมัดมวย-วงการสนุกเกอร์-วงการม้าแข่งรวมถึงวงการเพลงและ สื่อมวลชน ต่างอาลัยในการจากไปของ คุณเรวัติ สนธิขันธ์ อดีตนักหนังสือพิมพ์วัย 68 ปีที่ต้องลาจากเพราะ โรคมะเร็งเฮงซวย ที่โรงพยาบาลบางปะกอก 9 ถนนพระราม 2 โดยมีผู้บริหารอดีตแชมป์มวยไทย 4 ตำแหน่ง วิชาญ ส.พินิจศักดิ์ หรือ พ.ต.อ.พินัย ไกรนุกูล คู่ปรับอดีตแชมป์มงกุฎเพชร อดุลย์ ศรีโสธร ที่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเมื่อ 30 ปีก่อน

และทุกปีเมื่อถึงเดือนแห่งความเศร้า มี.ค.ก็ต้องระลึกถึง ปูชนียบุคคลแห่งวงการกีฬา ที่รอบรู้สารพัดในแวดวงกีฬาทั้งนอกและในประเทศโดยเฉพาะฟุตบอล คุณเรวัติ ไม่เป็นสองรองใครเพียงแต่ว่าไม่มีสังเวียนให้ได้เขียนถึงฟุตบอลต่างประเทศเท่านั้น อดีตของคุณเรวัติ สนธิขันธ์ เริ่มไต่เต้าจากการเป็นนักดนตรีเคยสังกัดวงดังอย่าง ชาร์มมิ่งบอย และ ซิลเวอร์แซนด์ ซึ่งแฟนเพลงยุค ซิกตี้ หรือคนที่อายุเกิน 60 ปีจะคลั่งไคล้กับ 2 วงดังโดยยุคนั้น เอลวิส เพลสลีย์ กับ คลิฟฟ์ ริชาร์ด กำลังดังทะลุโลก นอกเหนือจากการเล่นดนตรีในยามค่ำคืนเวลาราราชการ คุณเรวัติ ยังมีหน้าที่การงานในธนาคารกสิกรไทย ทำงาน 2 อย่างก็ถือว่าเหนื่อยแล้วแต่คนดิ้นรนไม่มีคำว่าพอ

เรวัติ สนธิขันธ์ สมัครเข้าเป็น นักข่าวกีฬาของหนังสือพิมพ์ที่โด่งดังที่สุดในยุคนั้นคือ หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย เมื่อปี 2509 ในยุคนั้นยังไม่มีหนังสือพิมพ์ "ยักษ์ใหญ่" ไทยรัฐ เพราะมีแค่หนังสือพิมพ์เสียงอ่างทอง ซึ่งต่อมาก็คือหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ในยุคปัจจุบันซึ่งเป็นคู่แข่งกับหนังสือพิมพ์ (หัวสีบานเย็น) เดลินิวส์

แต่เพราะ คุณเรวัติ มีความรอบรู้กีฬาเกือบทุกประเภทและกีฬาที่ถนัดที่สุดก็คือ มวย-ฟุตบอล-ม้าแข่ง โดยช่วงเช้าก็ออกหาข่าวตามแหล่งข่าวทั้งที่ อ.ส.ก.ท. หรือองค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทยซึ่งก็คือ การกีฬาแห่งประเทศไทย ในยุคปัจจุบัน พอตกเย็นก็แว่บไปดูฟุตบอลที่สนามศุภชลาศัยและสนามเทพหัสดิน พอตกค่ำก็ต้องมาประจำที่สนามมวย จันทร์-พุธ-พฤหัสบดี-อาทิตย์ที่วิกราชดำเนิน ส่วน อังคาร-ศุกร์-เสาร์ก็เวทีลุมพินี ส่วนเสาร์และอาทิตย์ในช่วงเที่ยงก็ปักหลักอยู่สนามม้าราชกรีฑา (สนามฝรั่ง) และสนามราชตฤณมัย ในวันอาทิตย์ นี่คือกิจวัตรของนักข่าวกีฬาเมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา

ในแวดวง สื่อมวลชน ถือว่าคุณเรวัติ อยู่หนังสือพิมพ์หลายฉบับ เพราะเมื่อหนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย ปิดตัวเองเมื่อปี 2516 เนื่องจาก บก.มานะ แพร่พันธุ์ ยกสต๊าฟฟ์ออกไปเปิดหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่ชื่อ บ้านเมือง จนโด่งดังถึงทุกวันนี้เมื่อปี 2516 ซึ่งนักข่าว-ช่างภาพ ต่างออกตาม บก.มานะ ไปอยู่บ้านใหม่ยกเว้น 2 คนที่ไม่ได้ตามไปคือ เรวัติ ไปสังกัดหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ โดยเขียนคอลัมน์สำคัญ หน้า 4 ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกับ คุณประสาน มีเฟื่องศาสตร์ เจ้าของนามปากกา "กระแช่" และยังเขียนข่าวหน้าบันเทิงจนรู้จักกับดาราทุกคนในยุคนั้นและมีความผูกพันกับ ดาวโป๊เวียดนามที่โด่งดังที่สุดในช่วงนั้นเมื่อ กระแช่ มีปัญหากับ ไทยรัฐ ก็แยกตัวมาเปิดหนังสือพิมพ์ตะวันสยาม เรวัติ สนธิขันธ์ ก็ติดตามมาอยู่ด้วยพร้อมลูกพี่ที่นับถือ คุณรังษี เราเจริญ จากตะวันสยามก็มาสังกัดหนังสือพิมพ์ดาวสยาม ซึ่งต่อมาก็คือหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ในยุคปัจจุบัน

ส่วนเพื่อนรัก ศักดา รัตนสุบรรณ ตกงานอยู่ปีเศษเมื่อ สนิท เอกชัย หัวหน้ากองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ ยกสต๊าฟฟ์ออกในวัน ฝนตกใหญ่ในปี 2517 ทำให้ คุณประพันธ์ เหตระกูล พี่ใหญ่ของเดลนิวส์ต้องระดม นักข่าว ที่ตกงานมาร่วมสต๊าฟฟ์โดย ศักดา รัตนสุบรรณ กำลังบวชอยู่ที่วัดแก้วแจ่มฟ้า อยู่หน้าเดลินิวส์ เพิ่งบวชได้ 7 วันและตั้งใจบวช 21 วันก็ถูกเรียกตัวมาประจำการในหน้ากีฬาด่วนจึงต้อง ลาสึก กะทันหันชนิดที่เจ้าอาวาสบ่นพรึม

นอกจาก เรวัติ สนธิขันธ์ จะอยู่หนังสือพิมพ์หลายฉบับพร้อมเขียนต้นฉบับให้หนังสือหมัดมวยหลายสำนัก เรวัติ ยังเป็นผู้บุกเบิกหนังสือสนุกเกอร์ "คิวทอง" ซึ่งถือเป็น คู่หู-คู่คิด ศักดา รัตนสุบรรณ อดีตหัวหน้าข่าวกีฬา "เดลินิวส์" ตั้งแต่ พ.ศ. 2520-2535 โดยดึง เรวัติ สนธิขันธ์ มาร่วมเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ "เดลินิวส์" และเปิดคอลัมน์ "ป้อมยามหมู่โฮม" จนโด่งดังเป็นที่รู้จักกันทั้งประเทศ โดยคอลัมน์นี้เขียนเย้าแหย่คนในแวดวงกีฬา อ่านสนุกและได้ความรู้จนเป็นที่ถูกใจของแฟน "เดลินิวส์" และเมื่อปี 2528 ศักดา รัตนสุบรรณ ก็เปิดนิตยสารสนุกเกอร์ "คิวทอง" โดยมอบหน้าที่ให้ คุณเรวัติ เขียนหลายคอลัมน์อาทิ ป้อมยามหมู่โฮม สังคมดารา และแวดวงการม้าแข่ง

ทุกวันจะเห็นหน้าเจ้าของนามปากกา หมู่โฮม-ตุ๊ ตำแย-มอญฟรี ซึ่งนามปากกาที่สร้างชื่อให้ คุณเรวัติ ก็คือ มอญฟรี เพราะใช้เขียนในคอลัมน์ข่าวสังคมหน้า 4 ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐและตะวันสยาม ส่วนนามปากกา หมู่โฮม ใช้กับวงการสนุกเกอร์และ ตุ๊ ตำแย ใช้เขียนในหนังสือหมัดมวย ซึ่งทุกนามปากกาถือว่าเป็นที่รู้จักของ นักอ่านทั่วประเทศ

ผมเขียนถึงเพื่อนรัก เรวัติ สนธิขันธ์ ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 หลังจากที่เสียชีวิตเมื่อ 3 มี.ค. 2554 ซึ่งยังจำได้และระลึกอยู่เสมอเมื่อ 28 ก.พ. ตรงกับวันเกิดที่ คุณสุนทร จารุมนต์ เจ้าของภัตตาคารชื่อดัง โฮคิชเช่น ปิดชั้น 3 จัดฉลองวันเกิดให้ คิวทอง มานานกว่า 10 ปีโดย คุณเรวัติ มาร่วมงานไม่เคยขาดหายและวันนั้นขณะนอนป่วยอยู่โรงพยาบาล บางปะกอก 9 ยังโทรศัพท์มาหาบอกอยากจะมาร่วมงานแต่ หมอห้าม เพราะเรี่ยวแรงไม่รู้หายไปไหนพร้อมกับอวยพรให้ คิวทอง อยู่ให้นานเพื่อสร้างสรรค์วงการสอยคิวให้เติบใหญ่ต่อไป และห่างจากนั้นแค่ 3 วัน วิญญาณของคุณเรวัติ ก็ออกจากร่าง มีการตั้งศพสวดพระอภิธรรมที่วัดทรงธรรม พระประแดง รวม 7 วันซึ่งทุกวัน คิวทอง จะทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพคอยต้อนรับแขก แต่ที่เหนื่อยหน่อยก็ตรงทำเรื่องขอ พระราชทานเพลิง เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งกว่าจะสำเร็จก็ลุ้นกันตลอด เพราะในยามมีชีวิต คุณเรวัติ ไม่ได้มองถึงอนาคตภายหน้าจึงไม่ได้ร่วมกิจกรรมกับสำนักพระราชวัง ซึ่งนักข่าวส่วนใหญ่จะได้รับ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ เมื่อยามสิ้นชีวิตจึงไม่มีปัญหากับเรื่อง พระราชทานเพลิง

ฉบับนี้จึงขออภัย แฟนคิวทอง ที่ต้องนำเรื่องส่วนตัวมาบอกกล่าวเพราะถึงอย่างไร คุณเรวัติ ก็ร่วมล้มลุกคลุกคลานในการผลักดันนิตยสารฉบับนี้ออกมาตลอดรอดฝั่งจนถึงปีที่ 30 ในเดือนสิงหาคม 2558 ซึ่งในวันครบรอบ 30 ปีคิดว่าจะหาสิ่งดีๆ มากำนันแฟนๆ ส่วนจะเป็นอะไรขอให้ติดตาม ฉบับนี้เพื่อเป็นการระลึกถึง คุณเรวัติ ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ซึ่งมีน้องนุ่งจากหลายวงการร่วมแสดงความอาลัยจึงถือโอกาส นำกลอน ของศิษย์รุ่นน้อง เอก รังสิต ผู้เคารพนับถือคุณเรวัติ และยกย่องเป็นอาจารย์นำมาลงให้อ่านอีกครั้งหลังจากเคยนำบทกลอนนี้ตั้งอยู่หน้าศพตลอด 7 วัน ณ วัดทรงธรรม พระประแดง กลอนน่าอ่านสอดคล้องยังไง

พิสูจน์ได้ทางด้านล่าง

 

ศักดา รัตนสุบรรณ