สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนของวงการสนุกเกอร์ไทย

24 ต.ค. 60

สิ่งที่ทำให้วงการสนุกเกอร์ไทยนั้นยืนหยัดอยู่ในวงการกีฬาไทย ในฐานะกีฬาที่มีผู้คนนิยมเล่นติดอันดับของประเทศรองมาจาก ฟุตบอล ตะกร้อ แบดมินตัน บาสเกตบอล ก็จะเป็นสนุกเกอร์นี่แหละครับ ถึงแม้บางท่านอาจจะเถียงว่าไม่ค่อยเห็นว่ามีคนเล่นเลย มันก็แน่แหละครับ เพราะสนุกเกอร์นอกจากจะเป็นกีฬาในร่มแล้ว ยังจะต้องเล่นในพื้นที่ที่ถูกกำหนดให้สามารถเล่นได้ สถานที่มีอากาศถ่ายเท ไม่ร้อนหรืออับชื้น เพราะจะมีผลต่อตัวไม้ของโต๊ะสนุกเกอร์ สักหลาดและหินชนวน รวมถึงผู้เล่นที่อาจจะออกคิวผิดเพี้ยนได้ เพราะถ้าอากาศร้อนอบอ้าว เหงื่อออกเยอะก็มีผลต่อการออกคิวได้ทั้งหมด โต๊ะตลาดหรือคลับเฮาส์จึงตอบโจทย์เหล่านี้ สำหรับเป็นพื้นที่ในการให้เช่าเล่นหรือฝึกซ้อม ดังนั้นถ้าใครไม่ชื่นชอบการเล่นกีฬาประเภทนี้หรือติดตามบ้างแต่ไม่บ่อยนัก ก็จะไม่ทราบว่าแถวบ้านหรือพื้นที่ใกล้เคียงมีโต๊ะสนุกเกอร์เปิดให้บริการบ้างหรือไม่ รวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครองไม่ยอมให้ลูก ๆ ที่สนใจกีฬาประเภทนี้เข้าไปลองเล่น ด้วยวลีฮิตที่ว่า “มันเป็นแหล่งมั่วสุม”

ในเมื่อสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือทัศนคติของผู้ปกครอง ที่ยังมองว่าโต๊ะสนุกเกอร์นั้นยังเป็น แหล่งมั่วสุม ของเด็กเกเร ที่ไปจับกลุ่มมั่วสุมกันอยู่ กีฬาแม่นรูนับวันก็จะมีแต่สาละวันเตี้ยลง ๆ สปอนเซอร์ที่เคยจัดการแข่งขันดี ๆ ให้แฟน ๆ ดูถ่ายทอดสดทั้งในประเทศและต่างประเทศก็เริ่มตีจาก จากกลุ่มคนที่เคยติดตามมือดีอดีตอันดับสามของโลกอย่าง ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ในวันนั้นที่ยังเป็นเด็ก ก็กลายมาเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนชื่นชอบสนุกเกอร์เป็นชีวิตจิตใจ แต่เมื่อนาน ๆ ไป ความเซ็งก็บังเกิด เมื่อไม่มีขวัญใจชาวไทยทะลุขึ้นมาคว้าแชมป์ได้เหมือนต๋องสักครา รอและรอจนกระทั่งแต่งงาน มีลูกชายที่มีแววว่าจะไปได้สวยในวงการสักหลาด ซึ่งผู้เป็นพ่อได้ปลูกฝังลูกชายคนนี้และติดสอยห้อยตามไปยังโต๊ะตลาดที่เขาชอบไปเล่นตั้งแต่ยังเล็ก ๆ แต่ว่าก็ไม่กล้าสนับสนุนอย่างจริงจัง ทั้ง ๆ ที่กีฬาชนิดนี้ในปัจจุบันนั้นสามารถยึดเอาเป็นอาชีพ สร้างรายได้ บ้าน รถ เงินทอง โดยรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จอย่าง เอฟ นครนายก และหมู ปากน้ำ แสดงให้เห็นมาแล้ว เพราะสิ่งที่มันไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิมของสังคมไทยนั้นก็คือ สนุกเกอร์เป็นกีฬาของนักเลง และการเข้าไปซ้อมที่โต๊ะสนุกเกอร์หรือคลับเฮาส์นั่นก็คือ การไปมั่วสุม โดยตีขลุมไปว่าโต๊ะสนุกเกอร์ตามร้านรวงของบ้านเรานั้นเป็นเหมือนกัน แต่ปัจจุบันนี้บางสถานที่ได้พัฒนาไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว ยกตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ มีโต๊ะมาตรฐานระดับโลกที่ใช้แข่งขันกันจริงในทัวร์นาเมนต์ของ World Snooker มีการจัดวางโต๊ะอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสม อากาศถ่ายเทสบาย ๆ ไม่ใช่เล่นไปบิดผ้าเช็ดหน้าที่ใช้เช็ดเหงื่อกันไป มีการเปิดสอนการเล่นเบื้องต้นให้เด็ก ๆ เยาวชนที่สนใจ ได้มีพื้นฐานการเล่นที่ถูกต้อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้เปลี่ยนไปมากชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยคือการเปิดใจให้กว้างของสังคมไทย รวมทั้งทัศนคติของผู้ปกครองในการที่จะให้บุตรหลานเริ่มเล่นกีฬาประเภทนี้ต่างหาก

บางครั้งบางครา บางครอบครัวที่สนับสนุนให้ลูกเล่นสนุกเกอร์อย่างจริงจัง ก็ต้องมาประสบกับปัญหาที่เป็นตอขวางทางอยู่ก็คือ เล่นเก่ง มีพรสวรรค์ แต่ไม่มีเวทีแสดงฝีมือนั่นเอง เพราะในปัจจุบัน รายการแข่งขันที่จะเป็นเวทีผลักดันให้เยาวชนระดับนักเรียน ได้ก้าวเข้ามาสู่ประตูของทีมชาติ มันต้องมาจากการเป็นแชมป์ระดับเยาวชนก่อน ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ระดับภาคหรือระดับประเทศก็ดี แต่สมัยนี้หาทำยาได้ยากจริง ๆ ซึ่งบางครอบครัวก็ต้องใช้ทางลัด คือการเดินสายปะทะกับเซียนตามโต๊ะต่าง ๆ ในย่านที่อาศัยอยู่ เมื่อเด็ก ๆ เหล่านี้ได้ปะทะกับมือดี ๆ ที่ซุ่มซ้อมเพื่อรอรับมือดีที่เดินสายเช่นเดียวกัน โดยเมื่อได้วัดฝีมือกับมือระดับนี้บ่อย ๆ แล้ว ทางขาว การวางอีตัวต่าง ๆ และการเล่นเพื่อชัยชนะจะพอกพูน ให้เด็กพวกนี้ที่ยังเป็นเยาวชนได้เรียนรู้ และปรับใช้ในการแข่งขันที่เป็นทางการต่อไป ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นแม้ว่าจะแสดงฝีมือในยุทธจักรโต๊ะตลาดได้อย่างสุดงาม แต่ถ้าไม่มีสังเวียนให้เด็ก ๆ ของเราใช้เป็นบันไดเพื่อก้าวขึ้นไปสู่ทีมชาติ ซึ่งเป็นจุดสูงสุด รวมถึงต่อยอดไปเป็นนักสนุกเกอร์อาชีพที่อยู่ในมือวางอันดับของทาง World Snooker แล้ว มันจะมีประโยชน์อันใด ยังไม่รวมทั้งการเล่นเดินสายที่นักสนุกเกอร์หลาย ๆ คนเมื่อมาเก็บตัวในแคมป์ทีมชาติ เกิดอาการลังเล เพราะเบี้ยเลี้ยงในการฝึกซ้อมในแต่ละวัน เมื่อเทียบกับการเล่นเดินสายของแต่ละคืน ที่ได้รับแบ่งผลประโยชน์จากนายทุนที่เป็นแบ็คให้นั้น มันเทียบกันไม่ได้เลย เดินสายคืนนึงถ้าเข้าฝักเข้าฟอร์ม เงินครึ่งแสนมาถึงมือได้แบบสบาย ๆ ทำให้บางคนคิดว่าเล่นเดินสายทำรายได้เป็นกอบเป็นกำมากกว่า ต่างจากการเก็บตัว ถึงแม้ว่าจะเป็นถึงตัวแทนของทีมชาติ แต่รายได้และการฝึกซ้อมที่ต้องอาศัยความอดทน และคุมความประพฤติของตัวเองให้อยู่ในกรอบนั้นทำได้ยาก โดยถ้ายังเป็นคนหนุ่มไฟแรงด้วยแล้ว จะมองว่าการเล่นเดินสายเป็นช่องทางในการทำเงินให้มากกว่า ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไป

แต่ทว่าสิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปของแฟน ๆ สนุกเกอร์ชาวไทยนั้นคือ ทุกคนยังรอคอยตัวแทนคนไทยต่อจาก “ไทยทอร์นาโด” ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ที่จะพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด คว้าแชมป์รายการในทัวร์นาเมนต์ระดับโลกให้ได้อีกครั้ง หลังจากห่างหายไปกว่ายี่สิบปีแล้ว รวมถึงจำนวนผู้ชมรายการระดับโลกที่เคยจัดในบ้านเรา ที่มีนักสนุกเกอร์ระดับโลกที่ลงแข่งขัน ตั้งแต่สมัยก่อนที่จัดที่โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ เรื่อยมาจนถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในครั้งล่าสุดนั้น เกมไหนที่มีผู้เล่นระดับแม่เหล็กหรือนักสอยคิวขวัญใจชาวไทยได้ลงเล่นในรอบลึก ๆ แล้วละก็ รับประกันซ่อมฟรีได้เลยว่า วิกแตกแน่นอน ไม่มีตั๋วนั่งเหลือแต่ตั๋วยืน ผู้ชมล้นออกไปทางด้านนอก ผู้จัดต้องเตรียมจอภาพขนาดใหญ่ฉายให้แฟน ๆ สนุกเกอร์ทั่วทุกสารทิศที่มุ่งหน้าเข้ามาเชียร์ขวัญใจหรือไอดอลลงแข่งขัน รวมทั้งมาเฝ้ารอซื้อตั๋วก่อนแข่งขันในเกมนั้นอย่างน้อย 4-5 ชั่วโมง เป็นสิ่งที่ติดตาตรึงใจแฟน ๆ สนุกเกอร์และผู้จัดการแข่งขันเสมอมา นับว่าศรัทธาของวงการสนุกเกอร์ของบ้านเรานั้นไม่เคยเหือดหายหรือเปลี่ยนไปเลย

วงการสนุกเกอร์บ้านเราไม่ได้ซบเซาถึงขนาดเงียบเป็นเป่าสากแต่ประการใด แต่ทว่าสิ่งที่เราต้องยอมรับคือ แรงกระตุ้นจากภายใน ที่จะมาขับเคลื่อนให้กลไกมันเดินหน้าเต็มสูบเหมือนยุคสมัยที่ผ่านมานั้น ต้องอาศัยปัจจัยหลาย ๆ อย่างไปพร้อม ๆ กัน เหมือน ๆ กับจีน ที่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว สนุกเกอร์ยังเป็นกีฬาที่ไม่ยอดนิยมสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไป ได้แรงขับเคลื่อนจากภาครัฐ และเอกชนอย่างชัดเจน กีฬาสอยคิวของจีนมาแรงแซงทางโค้งขึ้นมาเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมจากแฟน ๆ แบบสุด ๆ ไม่รวมทั้งเยาวชนที่คลั่งไคล้กีฬาประเภทนี้ หัดเล่นหัดแทง จนมีมือดีที่เป็นดาวรุ่งอย่างมากมาย ที่เตรียมขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่ที่วัยเริ่มผ่านพ้นเลขสามอย่าง “ไอ้ลูกระเบิด” ติง จุ้นฮุย หรือ เหลียง เหวินโป๋ แม้แต่ระดับซือแป๋ของวงการอย่าง รอนนี่ โอซุลลิแวน ยังเคยพูดเอาไว้ในปี 2015 ว่า ในอีกห้าปีต่อจากนี้ไป มือท็อป 20 ของโลกเกินครึ่ง คงจะเป็นนักสนุกเกอร์ชาวจีนอย่างแน่นอน และการที่เราจะวิ่งไปถึงจุด ๆ นั้นอย่างที่จีนเคยทำได้ ก็จะต้องเปลี่ยนสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปจากวงการสนุกเกอร์ของไทยให้ได้เสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติหรือความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับกีฬาสอยคิวนี้ ที่ได้รับการปลูกฝังมาแบบผิด ๆ มานานแล้ว ซึ่งถ้ามันได้ปรับเปลี่ยนไปจากเดิมแล้วละก็ สิ่งต่าง ๆ ก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เด็กไทยจะขึ้นมาชนกับเด็กจีนได้อย่างไม่เป็นรอง ภาครัฐและเอกชน จะเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ในการจัดการแข่งขัน และสนับสนุนวงการสอยคิวไทยให้ไปถึงระดับโลกได้มากกว่านี้ ขอเพียงแต่ให้แฟน ๆ สนุกเกอร์เชื่อมั่นว่า สิ่งที่มันไม่เคยเปลี่ยนไปคือความคลั่งไคล้ของแฟน ๆ สนุกเกอร์ชาวไทย ที่จะเป็นแรงหนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

 

รีสตาร์ท

(ตีพิมพ์ในนิตยสารคิวทอง ฉบับที่ 419)