“ไอ้นกแก้ว” จอห์น แพร์ร็อตต์ ผู้เคยครองแชมป์โลก

14 ก.ค. 60

แฟน ๆ สนุกเกอร์ชาวไทยที่อายุอานามสัก 30-40 ปีขึ้นไป น่าจะคุ้นหูอยู่ไม่น้อยกับฉายาของนักสนุกเกอร์คนหนึ่งจากเกาะอังกฤษ ที่ทะยานขึ้นทะลุฟ้าผงาดคว้าแชมป์ในต้นยุค 90 ซึ่งเป็นฉายาที่น่ารัก น่าเอ็นดู ตามชื่อจริงของเขาคือ “ไอ้นกแก้ว” หรือที่อังกฤษก็ตั้งฉายาน่ารัก น่าหยิกไว้เช่นกันว่า “The Carrot” แต่ฝีไม้ลายมือของเขานับว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว กับเกียรติยศสูงสุดอย่างการคว้าแชมป์โลกในปี 1991 ที่หักด่าน “สิงห์ อีซ้าย” จิมมี่ ไวท์ ที่กำลังมาแรงที่สุดหยุดไม่อยู่ในขณะนั้น ขาววางตรงไหนคู่แข่งก็เหงา เพราะแม่นเหลือเกิน ชนะไปแบบขาด ๆ 18-11 เฟรม และคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในปีเดียวกันเมื่อไล่ทุบ จิมมี่ ไวท์ เจ้าเก่า เจ้าเดิม ที่วัดกันในรอบชิงชนะเลิศรายการชิงแชมป์โลกไปได้แบบสนุก 16–13 เฟรม ด้วยการที่สิงห์อีซ้าย ขวัญใจมหาชนในยุคนั้นเข้าชิงชนะเลิศรายการชิงแชมป์โลกได้สามครั้ง แล้วได้เป็นแค่พระรองโดยพ่ายให้กับ “เทพบุตรคิวทอง” สตีฟ เดวิส ในครั้งแรกที่เข้าชิงฯ ต่อมาก็แพ้ให้กับ “มัจจุราชผมทอง” สตีเฟ่น เฮนดรี้ ในการเข้าชิงฯ ครั้งที่สอง และครั้งที่สามก็พ่ายแพ้ให้กับไอ้นกแก้ว ต่อมาภายหลังแฟน ๆ สนุกเกอร์ก็คงไม่มีใครคาดดิดว่า ไวท์จะสามารถกรุยทางเข้าไปในรอบชิงแชมป์โลกได้อีกถึง 3 ครั้ง แต่ก็ไม่สามารถนำโทรฟี่กับบ้านมาเชยชมได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งที่ฝีมือในการแทงรวมถึงการคอนโทรลลูกขาวได้อลังการแบบสุด ๆ และยังเป็นขวัญใจแฟน ๆ สนุกเกอร์ในยุคนั้นอย่างมากอีกด้วย การเป็นรองแชมป์โลกถึง 6 สมัยนั้นต้องบอกว่า ถ้าไม่มีไอ้หนุ่มผมทองจากแดนวิสกี้อย่างเฮนดรี้ขวางทางอยู่ในรอบชิงชนะเลิศถึง 4 ครั้ง ไวท์ต้องได้แชมป์โลกไม่สมัยใดก็สมัยหนึ่งอย่างแน่นอน

สไตล์การเล่นที่แฟนสนุกเกอร์และสื่อมวลชนของอังกฤษนั้นติดตาตรึงใจก็คือ เขาเป็นผู้เล่นที่มีชื่อเสียงในการเล่นลูกข้างชิ่งได้ดีที่สุดในโลกในขณะนั้น และมีการเล่นที่แม่นยำ แน่นอน การเล่นของเขาคล้ายกับติง จุ้นฮุย ในยุคนี้ แต่แพร์ร็อตต์แทงเร็วกว่า คิดเร็วกว่า และมีลูกเล่นโชว์ผู้ชมได้บ่อย ๆ แต่น่าเสียดายที่เขาน่าจะคว้าแชมป์ได้มากกว่านี้ ถ้าไม่มาพีคในช่วงเดียวกันกับสตีฟ เดวิส และสตีเฟ่น เฮนดรี้ ซึ่งทั้งคู่กำลังอยู่ในช่วงร้อนแรงสุด ๆ ผลัดกันครองแชมป์ในยุคนั้นเป็นว่าเล่น

ไอ้นกแก้วเกิดที่เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ในสมัยเด็กแพร์ร็อตต์ชื่นชอบที่จะไปโยนโบว์ลิ่งอยู่บ่อย ๆ ทว่าวันหนึ่งสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปอย่างสิ้นเชิงก็เกิดขึ้น เมื่อตอนเขาอายุได้เพียง 12 ปี ในตอนที่จะไปโยนโบว์ตามปกติ ฝนก็เริ่มตกลงมา พ่อของเขาจึงพาเขาเข้าไปยังดัดลีย์สนุกเกอร์อคาเดมีแทน ซึ่งอยู่ห่างจากลานโบว์ลิงแค่อีกช่วงถนน และในทันทีที่แพร์ร็อตต์ได้สัมผัสกับผ้าสักหลาด เขาก็หลงไหลกับกีฬาแม่นรูเข้าอย่างจัง เมื่อได้รับคำแนะนำในการเล่นและฝึกซ้อมภายใต้การดูแลของฟิล มิลเลอร์ ฝีมือของแพร์ร็อตต์ก็รุดหน้าอย่างรวดเร็วตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น และคว้าแชมป์ระดับเยาวชนได้มากมาย จนในที่สุดเขาก็ให้สัญญากับตัวเองที่จะเทิร์นโปรเพื่อเล่นระดับอาชีพ เพราะแพร์ร็อตต์คิดว่าเขาประสบความสำเร็จในระดับสมัครเล่นมากพอแล้ว

ในปี 1983 แพร์ร็อตต์สามารถเทิร์นโปรขึ้นมาเล่นระดับอาชีพได้สำเร็จตามที่เขาสัญญากับตัวเองไว้ และเขาสามารถก้าวขึ้นมาเป็นมือวางอันดับที่ 20 ของโลกได้ โดยไฮไลท์สำคัญของเขาอยู่ที่การลงเล่นและถ่ายทอดสดทางทีวีเป็นครั้งแรก ในรายการ Lada Classic ในเกมที่เขาสามารถเอาชนะ ดั๊ก เมาท์จอย ไปได้ 5-4 เฟรม ก่อนที่จะเอาชนะ “เดอะ เฮอริเคน” อเล็ก ฮิกกินส์ ต่อด้วย โทนี่ โลว์เลส ก่อนจะไปพ่ายให้กับสตีฟ เดวิส ในรอบรองชนะเลิศ

หลังจากเล่นอาชีพมาได้หลายปีจนถึงปี 1991 ประวัติศาสตร์ก็ต้องจารึกอีกครั้งว่ามีแชมป์โลกหน้าใหม่เกิดขึ้นแล้ว โดยเป็นชาวอังกฤษเสียด้วย เมื่อไอ้นกแก้วที่เคยเข้าชิงฯ รายการนี้เมื่อปี 1984 แต่เป็นได้แค่พระรอง ซึ่งในตอนนั้นถ้าเปรียบเป็นนกแก้วก็น่าจะถึงวัยโตเต็มที่ ปีกกล้าขาแข็งจากประสบการณ์ที่บ่มเพาะมาเต็มพิกัด โดยเขางัดฟอร์มสุดยอดออกมากรุยทางทะลุเข้าสู่รอบชิงฯ ได้สำเร็จ โดยผ่าน ไนเจล กิลเบิร์ต โทนี่ โลว์เลส เทอร์รี่ กริฟฟิธ ก่อนมาจ๊ะเอ๋กับ สตีฟ เดวิส ในรอบรองชนะเลิศ โดยเกมนั้นเป็นเกมคุณภาพอีกเกมหนึ่งของรายการชิงแชมป์โลก แต่ทว่าวันนั้นเป็นวันของพี่นกแก้วจริง ๆ เมื่อเอาชนะเดวิสไป 16-10 เฟรม และเป็นการเอาคืนเมื่อปี 1984 ที่เดวิสยัดเยียดความปราชัยให้เขาได้แค่รองแชมป์ในรายการนี้ โดยในรอบชิงชนะเลิศ แพร์ร็อตต์ต้องโคจรมาเจอกับขวัญใจมหาชน จิมมี่ ไวท์ ที่กำลังป็อปปูลาร์แบบสุด ๆ ถ้าเป็นเน็ตไอดอลในยุคนี้ก็ต้องมียอดกดไลก์แฟนเพจครึ่งล้านอย่างแน่นอน โดยในการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศนั้น จิมมี่ออกนำโด่งถึง 7-0 เฟรม แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะเป็นแชมป์ได้ในบั้นปลาย เมื่อแพร์ร็อตต์ที่ฟอร์มกำลังร้อนได้ที่ พลิกกลับมาเอาชนะไปได้ 18-11 เฟรม ตอกย้ำให้โลกเห็นว่า เขาเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดอีกคนหนึ่งของวงการในยุคนั้น ที่สามารถคว้าแชมป์โลกมาประดับบารมีได้ และทำให้สิงห์อีซ้ายต้องซดน้ำใบบัวบกไปอีกครา

ไอ้นกแก้วเลิกเล่น แขวนคิวในปี 2010 ภายหลังจากตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำให้กับนักสนุกเกอร์ดาวรุ่งของจีนในขณะนั้นอย่าง จาง อันต๊ะ ไป 6-10 เฟรม ในรายการชิงแชมป์โลกรอบคัดเลือก ทำให้ภายหลังเมื่อจบฤดูกาล แพร์ร็อตต์ต้องหลุดจากวงโคจร ท็อป 64 ของโลก ส่งผลให้ในปีต่อมาเขาไม่ได้เป็นมือวางที่จะเข้าเล่นในรายการเมนทัวร์ของทางสมาคมสนุกเกอร์โลกอีก ทำให้หลังจากนั้นไม่นานเขาจึงประกาศรีไทร์อย่างเป็นทางการ โดยในวันที่เขาประกาศเลิกเล่นนั้นได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนของอังกฤษว่า ถ้าผมไม่ได้เล่นในเมนทัวร์แล้ว มันก็แฟร์ ๆ ที่จะต้องถึงเวลารีไทร์แล้วละ แน่นอนว่าที่ผมไม่อยากจะกลับมาลงเล่นอีก เหมือนกับถ้าผมแพ้เกมไพ่แล้วผมก็จบแค่นั้น ผมยังศรัทธาในเกมสนุกเกอร์นี้มากที่สุดเสมอมา แต่ผมไม่สนุกกับการฝึกซ้อมไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ไอ้นกแก้วก็ยังหวนกลับมาเข้าร่วมคัดเลือกในรายการชิงแชมป์โลกในปี 2012 แต่ก็แพ้ให้กับ แพทริค วอลเลซ ในรอบคัดเลือกรอบแรกไป 0-5 เฟรม

ภายหลังจากรีไทร์จากวงการแม่นรูแล้ว แพร์ร็อตต์ก็รับงานเป็นคอมเมนเตเตอร์ให้กับทาง BBC Sport บ่อย ๆ โดยเข้าขากับ สตีฟ เดวิส และบ่อยครั้งที่เขาจะเป็นกูรูในการแทงตัวอย่างรูปเกมการเล่นของแต่ละคู่ ในระหว่างพักเบรกการแข่งขันของแต่ละเซกชันด้วย นอกจากนี้เขายังติดตามวงการม้าแข่งของอังกฤษ อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของทีมพิธีกรของรายการแข่งม้าของทาง BBC Sport ที่ออกอากาศทางโทรทัศน์

การเล่นของแพร์ร็อตต์ที่ฝากไว้ให้กับวงการสนุกเกอร์โลกนั้น อาจจะไม่โด่งดังเท่าที่ควร แม้ว่าจะเคยเป็นแชมป์รายการที่มีชื่อเสียงที่สุดอย่างรายการชิงแชมป์โลก แต่ทว่าโชคของเขาในช่วงที่กำลังพีคสุดขีดนั้นอยู่ในยุคเดียวกันกับ “เทพบุตรคิวทอง” สตีฟ เดวิส ที่กำลังเข้าฝัก เข้าฟอร์ม พอถึงช่วงที่ สตีฟ เริ่มจางแสง ดาวรุ่งจากแดนวิสกี้อย่าง “มัจจุราชผมทอง” ก็ฉายแสง มันเป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวที่พอเหมาะพอดี ที่ทำให้ไอ้นกแก้วต้องตกอยู่ในร่มเงาของสองคนนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่แฟนสนุกเกอร์กล่าวขานคือ การเล่นลูกแนบชิ่งและติดชิ่งได้ดีที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เคยมีมา กลายเป็นแบบฝึกหัดให้นักสนุกเกอร์ทั่วโลกเอาเป็นแบบอย่างในการฝึกซ้อม แทคติกการเล่นที่ทำให้เขายืนระยะอยู่ในวงการได้ยาวนานอีกคนหนึ่ง สิ่งนี้คือสิ่งที่เขาฝากไว้ให้แฟน ๆ ทุกคนจดจำไว้ว่า ครั้งหนึ่งเคยมีนักสนุกเกอร์ที่แหกด่านระดับพระกาฬเข้าคว้าแชมป์รายการชิงแชมป์โลกได้โดยไม่สน เสือ สิงห์ กระทิง แรด นั่นแหละคือเขา “ไอ้นกแก้ว” จอห์น แพร์ร็อตต์

 

รีสตาร์ท

(ตีพิมพ์ในนิตยสารคิวทอง ฉบับที่ 416)